วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้องบราวน์ พราวเสน่ห์










เนื่องจากวันอังคารที่ผ่านมา(15 กุมภาฯ)ผมมีโอกาสได้แหกขี้ตาขึ้นมาดู ทีมรักของผมอย่าง "ผีแดง" แมนฯ ยูฯ ฟาดแข้งกับทีมจากฝรั่งเศษอย่าง มาร์กเซย์
ในนัดนี้ ผี3ง่ามส่งผู้เล่นลงในแบบที่เรียกว่าชุดที่ดีที่สุดที่จะหาได้เพราะนักเตะส่วนใหญ่เล่นลาป่วยหน้าแข้งกันเกือบค่อนทีม แต่ถึงหยั่งั้นทีมก็ดูดีมีชาติตระกูลมากกว่าทีมจากฝรั่งเศษอย่างหลายกระบุงยกเว้นในแผงหลังที่ประกอบไปด้วย คริส สมอล์ลิ่ง ,จอท์น "ม่ายไหร" โอเชียร์ ,แพททริค เอวร่า และ เวสลี่ย์ บราวน์

เวส บราวน์.....คุ้นๆมั๊ยครับชื่อนี้

ใช่ครับ เขาคือ "บุตรแห่งความชิปหาย และ หายนะ" ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้ อวัยวะส่วนที่เรียกกันว่า "โหนก" พังประตู ลิเวอร์พลู (ล่าสุดเพิ่งตกรอบ ยูโรป้า ฮ่าฮ่า)


และครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นวัยสะรุ่น เขาเคยโชว์ฟอร์มเทพราวกลับ ฟร้าน เบ็คเค่นบาวเอ่อร์ กลับชาติมาเกิด


ครับเขาลงเล่นนัดนี้พร้อมกับพกพาอะไรบางสิ่งที่คนแถวๆนี้เรียกว่า "ความหวาดเสียว" ลงไปในสนามพร้อมกลับหน้าแข้งของเขาด้วย


ถ้าใครเป็น แฟนผี หรือบางคนอาจจะไม่ใช่แฟนผี คงจำกันได้เป็นอย่างดีนะครับว่า น้องน้ำตาล ชอบกระทำการอะไรที่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่ค่อยทำกันในสิ่งที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า "ทำเข้าประตูตัวเอง" อยู่เป็นประจำ


เพราะฉะนั้น And ฉะนี้ ทุกเวลาที่เขาอยู่ในสนาม มันจึงสร้างความหวาดเสียวรูตูดมากกว่าสร้างความ"ไว้วางใจ" ให้กลับเหล่าแฟนผีถ้วนหน้า เพราะเหล่าสาวกปิศาจสีแดง ต้องคอยระวังอยู่ตลอกเวาลว่าเมื่อไหร่หรือตอนไหน น้องน้ำตาล มันจะลายตาข่ายของทีมตัวเองอีก ราวกับว่าเขาคือกองหน้าอีกคนของคู่ต่อสู้ไปเลยที่เดียวครับ ฮ่าฮ่า (แฟนผีตัวจริงต้องยอมรับในข้อนี้นะครับ)


ผมจำความได้ว่าครั้งหนึ่งน้องบราวน์ของเราเคยกระทำการอุกอาจด้วยการวิ่งชนนายประตูตัวเองซึ่งมีนานว่า "ฟาร์เบียง "ไอ้เหม่งบรรลัย" บาร์กเตซ" ซะล้มกลิ้งเป็นลูกขนุนเลยที่เดียว ก่อนที่(ถ้าจำไม่ผิด) เทอร์รี่ "แหนมป้าย่น" อองรี จะเอาลูกบอลไปยิงอย่างง่ายดาย


ลูกนั้นไม่มีอะไรมากครับ เพียงแค่นักเตะฝั่งตรงข้ามผ่านลูกทะลุช่องไปข้างหน้า ซึ่งน้องบราวน์โชว์ความเหนือด้วยการทำเหมือนกับว่าจะอ่านทางบอลออกและวิ่งบังทางไม่ให้ใครเข้ามาเล่นบอลได้พลางที่ "พี่เหม่ง" บาร์เตซ ทำท่าจะออกมารับลูกพอดี


สงสัยน้องบราวน์คงคิด(ในใจ)ว่า "พี่บาร์กเตซ" คงจะกระทำการเตะโด่งลูกนี้ไปข้างหน้าเองล่ะมั้ง?

ส่วนไอเหม่งก็คงคิดว่า น้องบราวน์คงจะกระทำการเล่นลูกนี้เองล่ะมั้ง?


และด้วยการที่คิดว่าแต่ละฝ่ายคงจะกระทำการ "เคลียร์ทิ้ง" เองเลยทำให้ไม่มีใครทำอะไรเลย ก่อนที่จะวิ่งชนกันราวกับอยากจะดูดปากกันปานจะกลืนกินซะอย่างนั้น

สุดท้าย แมนฯ ยูฯ โดนถลุงไป 3-1 เสียผีไปตามๆกัน(ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ)
ในนัดล่าสุดที่เจอกันกับทีมจากฝรั่งเศษก็เช่นกันครับ กองหน้าของคู่แข่งสร้างความเสียหายให้กับน้องบราวน์ ของพวกเราแฟนผีเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่หากจะว่าไปแล้วผมคิดว่า หาก ริโอ "ปากเหวอ" เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า "คนเห็กไหล" วิดิซ ลงสนามล่ะก็ กองหลังผีแดงคงจะน่าเกรงขามกว่านี้
ใช่ครับ ผมกำลังหมายถึงว่า น้องบราวน์ของเราเล่นได้ "เน่า" มากครับ ทั้งๆที่(ตามความคิดของผมนะ)กองหน้าของฝรั่งเศษก็ไม่ได้มีพิษสงน่ากลัวอะไรมากมาย
ที่จริงแล้วเกมน่าจะจบในแบบที่น้องบราวน์ของเราไม่ต้องเจ็บตัวจากการถูกวิจารณ์อะไรมาก (นอกจากการเล่นที่ยังไม่เข้าขั้น)
ชัยชนะของพลพรรคนักเตะจากนรกน่าจะชนะด้วย สกอร์ 2-0 ถึงแม้จะบุกน้อยกว่า และ สร้างโอกาสเข้าทำน้อยกว่า แต่ในเมื่อ มาร์กเซย ขาดความเฉียบคมเอง การเสียบริสุทธิ์จึงไม่น่าจะเกิดกับตาข่ายฝั่งปิศาจแดง
แต่...สงสัยน้องบราวน์คงอยากจะให้ของขวัญปลอดใจกับผู้มาเยื่อน พร้อมกับคิดในใจว่า "พวกมรึงไม่มีปัญญาจะยิงประตูรึไงฟะ? มามะ....เดี๋ยวกรูจะทำให้ดูว่า เขาเล่น "ลูกโขก" กันอย่างไร"
ว่าแล้วน้องบราวน์ผู้น่ารักก็กระโดดและทำให้สิ่งที่แฟนผีเห็นอยู่เป็นประจำแบบเนืองๆคือ "การทำเข้าประตูตัวเอง"
"แหม....ไอเชี่ย" ผมสบถในใจ พร้มกับหงุดหงิดเล็กน้อยแบบพอประมาณ
นาทีที่ 80กว่าๆแล้ว มรึงยังจะให้พวกกรู(แฟนผี)เสียวรูตูดกันอีกเหรอวะ? ฮ่าฮ่าฮ่า
ถึงสุดท้าย ผีแดงจะชนะและผ่านเข้ารอบต่อไป เพราะ 2ประตูของ "เจ้าถั่วดำ" ชิชาร์ริโต้ แต่จากเกมในนัดนี้ผมเห็นอะไรได้อย่างนึงนะครับ
ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ที่แมนฯ ยูฯ กำลังลุ้นแชมป์ลีกอยู่กับอาร์เซน่อล มันทำให้พวกเรารู้เลยว่า หากกองหลังตัวสำรอง ยังแบบอีแบบนี้ เหล่าพวกเราแฟนผี ก็ยังคงต้องนั่งเสียว เกร็งขี้กันจนถึงนัดสุดท้ายเลยก็ได้
เพราะในนัดที่แมนฯ ยูฯ เจอกับ ลิเวอร์พลู มันได้พิสูจน์ให้เรานี่ครับว่า กองหลัง แบบนั้นมันจะไปเอาชนะใครเขาได้ตลอดทั้งฤดูกาล
หรือถ้าสุดท้ายเราได้แชมป์ แต่เราต้องแพ้ทีมคู่แค้นในแบบที่คนแถวบ้านผมเรียกว่า "มรึงเบล้อ (โง่) เอง"
เออ.....
ผมว่ามันทำใจลำบากนะครับ จริงมั๊ย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น