วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิ้วมือเป็นปากกา และน้ำหมึกคือน้ำตาที่ไหลออกจากหัวใจ "ขอโอกาสเราอีกครั้งนะครับ"

แปลกนะครับคนเรา นึกจะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนกันง่ายๆ แต่บางอย่างอยากจะเปลี่ยนแต่กลับเปลี่ยนมันไม่ได้เลย แถมบางทีเปลี่ยนแบบกระทันหันในแบบที่เราไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ถ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดี มันก็ดีไป แต่ถ้าเปลี่ยนไปในทางไม่ดี คนที่ถูกแบบหลังนี่ก็หนักหน่อย ปรับตัวยากแน่นอน
ผมคนนึงครับ อะไรจะเปลี่ยนก็เปลยี่นได้ง่ายๆ แฟนผม เธอมีเรื่องกับคนตำแหน่งใหญ่กว่าในที่ทำงาน (ผมกับแฟนทำงานที่เดียวกันครับ) ทะเลาะกันเสร็จวันต่อมา แฟนผมหยุดงานซะอย่างงั้น และก็บอกผมว่าอยากจะกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด ผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แต่ในวันที่แฟนผมหยุดนั้น เธอก็ไปชื้อตั๋วรถทัวร์เพื่อที่จะกลับบ้านในวันต่อมาทันที สรุป เธอใช้เวลาเบ็ดเสร็จในการตัดสินใจและกระทำ เป็นเวลา 3 วัน
ผลกรรมที่ตามมาคือ "ผม" ครับ งานที่ผมทำ ถึงงานมันจะไม่ดี และก็เหนื่อย แต่ผมให้สัญญากับแฟนว่า ทำงานไปถึงต้นปีหน้า ผมจะพาแฟนกลับบ้าน พร้อมกับเงินสักก้อน ซึ่งผมมั่นใจว่าผมต้องเก็บได้แน่ และกลับไปตั้งตัวกันที่บ้าน แต่นี่ยังไม่ทันต้นปี แผนต้องเปลี่ยน แฟนผมกลับบ้าน ผมพอแฟนมีเรื่องกับที่ทำงาน ผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ ต้องเลือกแฟนไว้ก่อนสิครับ ก็แฟนเราทั้งคน
แฟนผมกลับบ้านแฟน ผมก็เลยตัดสินใจกลับ้บ้านของผม ซึ่งอยู่คนละจังหวัดครับ เรื่องมาเกิดตอนนี้อีก 1 ดอกครับ แฟนผมทำท่าไม่พอใจ และบอกว่า คบกับผม มา 4-5 ปีกลับไม่มีอะไรเลย เงินเก็บก็ไม่มี สมบัติ ที่ดิน ก็ไม่มี ราวกลับว่า คบกับผมแล้วเธอจะชิปหาย ซะอย่างงั้น!!!
เธอบอกว่าคนเกิดปีเดียวกัน อยู่กินกันลำบาก...
ผมไม่เข้าใจครับ...ใช่ผมยอมรับโดยสดุดีว่าผมจนจริงๆ จนถึงขนาดทุกวันนี้ผมไม่มีที่ดินที่จะฝังศพตัวเอง แต่ทำไมล่ะครับ ในนเมือเราสารามถหาใหม่กันได้ ถ้าตอนนี้แฟน กับ ผมยังทำงานที่เดิม ถึงมันจะเหนือยหน่อย แต่ พอถึงปีหน้าผมมั่นใจครับว่า ผมมีเงินให้แฟนผมถือแน่นอนอย่างน้อยก็ 20,000 บาท ทั้งที่ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่แฟนผมดันมาออกจากงานก่อน (แต่เธอก็ถูกหัวหน้าว่าจนเกินไปจริงๆน่ะแหล่ะครับ ซึ่งตอนหลัง หัวหน้าก็กลับมาพูดคล้ายกับจะขอโทษกับแฟนผม)
ครับแฟนผมเหนื่อย แต่แค่บอกผมสักคำ ผมจะไม่ให้เธอเหนื่อยเลยสักนิดครับ ผมจะทำงานหาเลี้ยงตัวเอง และตัวของแฟนผมเอง เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเธอจะมาปล่อยผมให้ กระโดดลงกลางทะเล และอ้างว้างโดดเดี่ยวคนเดียวผมว่ามันคงเกินไปนะครับ ผมตลอดเวลาผมไม่เคยคิดจะรังเกียจแฟนผมคนนี้เลย เพราะทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่คบกันตอนแรกถึง 2ปี กว่าแฟนผมเธอใช้แต่เงินทางบ้านของผม โดยที่ทางบ้านของเธอไม่เคยออกสักบาท
มาถึงตอนนี้ บ้านผมเจอเคราะห์กรรม แฟนผมทำท่าว่า รักในความอิสระ ออกมาบอกว่า "ถ้าเราไม่มีเงินเก็บเลยก็แยกกันด้วยดี" "คนเกิดปีเดียวกัน คบกันไม่ยืด คบกันไม่ขึ้น" อยากจะให้เวลาตัวเอง" หลายๆเหตผลมันทำให้ผมน้ำตาไหลแบบไม่อายใครเลย
ทำมไมอ่ก่อนไม่เป็นแบบนี้ แต่ทำไมพอตอนนี้ กำลังบาก ถึงมาทำกันแบบนี้
จริงๆแล้วเรื่องนี้มันยังไม่เกิดขึ้นหรอกครับ แต่ผมฟังจากคำพูดของแฟนผมแล้ว ผมน้ำตาจะไหลยังไงไม่รู้ครับ
ผมถามแฟนว่า "นี่ ตัวเองจะกลับมาหาเราอีกมั๊ย?"
"เรายังไงก็ได้" นี่คือคำตอบของแฟนผม
วันก่อนผมถามว่า "ตัวเองโทรฯหาแม่มั้งมั๊ย?"
"เราโทรฯหาแล้ว แม่เราบอกว่า คบกับพัท ทำไมไม่ได้อะไรเลย ทำไมถึงอยู่กันไม่มีอะไรเก็บเลย ทำไมเพื่อนคนู้นคนนี้ถึงมีกันแล้ว ถึงรวยกันแล้ว ซึ่งเราก็คิดว่ามันจริง เรา 2 คนอยู่ด้วยกันมา 4-5 ปีทำไมมันไม่มีอะไรเลย ตอนนี้เรากำลังพิจารณาคำพูดของแม่เราอยู่ ตัวเองว่าเราคิดถูกมั๊ย?"
ใช่ครับ ที่แฟนผมพูดมันก็ไม่ผิด แต่ ผมอยากจะบอกว่า ทำไมไม่คิดถึงตอนที่มีความสุขด้วยกัน ถึงมันจะไม่มากเหมือนคนรวยคนอื่นๆเขาก็เถอะ ทำไมถึงไม่คิดถึงตอนที่ผมยามอดข้าวอดน้ำ ประหยัดทุกอย่างเพื่อซื้อของต่างๆที่เธออยากได้ให้เธอ
ทำไมไม่คิดถึงตอนที่ผม เคยออกจากหอเพื่อนของผมเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ (จริงๆแล้วหากเห็นหน้าเธอด้วย) จนทำให้ผมต้องนอนข้างถนน
ทำไมไม่คิดถึงตอนที่เธอจะฆ่าตัวตาย และผมเป็นคนแรกที่เข้าไปหาเธอ ปลอบเธอตลอดเวลา และพร้อมที่จะรับฟังและอยู่เคียงข้างเธอโดยที่ผมไม่เคยคิดจะรำคาญ และมันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป
ทำมไม่คิดถึงตอนที่ผมส่งเงินส่งของให้แม่เธอตามที่เธอขอมา โดยที่ผมอาจจะหงุดหงิดมั้ง แต่ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากให้ แต่ผมอยากให้เรา 2 คนตั้งตัวได้ก่อนแล้วจึงค่อยส่งให้พ่อแม่ของพวกเรา
สิง่ที่ผมทำมาทั้งหมด หากเธอลำบาก ผมขอโทษ ในขณะที่ผมนั่งเขียน (พิมพ์) อยู่นี้ น้ำอุ่นๆจากตาผมมันเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมทำผิด หรือว่าอะไร ผมพร้อมแก้ไข ขอเพียงเธอบอกมา ผมพร้อมจะยอมทำทุกอย่าง ขอแค่เพียงเธอไม่จากผมไป....
ข้างนอกเธอจะได้เจอคนรวยและฐานะดีกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน แต่ถ้าเธอจะหาคนที่รักเธอ ในแบบที่ว่า ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ชีวิตนี้ก็ยอมสละให้เธอได้ นอกจากพ่อแม่ของเธอแล้ว ผมกล้ายืนยันเลยว่ามีเพียงผมคนเดียวในจักรวาลนี้
แฟนผมบอกว่า ให้โอกาสผมอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาผมให้ไม่หยุดเพราะความดีใจ และตั้งแต่นั้นมาผมยอมให้ตัวเองอดเพื่อพิสูจณ์ว่าผมจะไม่ให้เธอลำบอกอีกแล้วตลอดชีวิตนี้ (แต่ความจริง คนเราทุกคนมันก็ต้องมีขึ้นมีลงอยู่แล้ว)
สำหรับผมแล้วเธอเป็นมากยิ่งกว่าชีวิต เธอยืนอยู่ในระดับเดียวกับ พ่อและ แม่ ของผม เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ผมกล้าพูดแบบไม่อายปากเลยว่า เธอลำบากมาด้วยกันกับผม (ตอนอยู่กับพ่อ แม่ ผมยังมีเงินอยู๋ แต่ตอนเริ่มคบและอยู่กับเธอ พ่อแม่ ผมเริ่มที่จะ จนลง เลยทำให้ผมกับเธอลำบากมาด้วยกัน)
ถ้าถามว่าผมยอมตายเพื่อเธอได้รึเปล่า? คำตอบคือ "ได้" และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ และตลอดไป
ผมขอถามคำถามเธอคำถามเดียวว่า "ตัวเองจะอยู่กลับเราตลอดไปได้รึเปล่า?"
และผมเชื่อเหลือเกินครับว่า คำตอบขอแฟนผมก็คือ "ได้"
ครับ ตอนนี้เธออาจจะรักในความอิสระที่เธอ ได้อยู่ตัวคนเดียว ได้อยู่กับเพื่อนๆ และได้อยู่ไกลจากผม มันอาจจะทำให้เธอหลงผิดไปบ้าง แต่ไม่ว่ายังไง ผมยังรักเธอเสมอ และถ้าเธอกลับมาชายคนนี้ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
....
....
คำที่ผมอยากจะบอกมีเพียงคำเดียวครับ
...
...
"ให้โอกาสบอล อีกครั้งนะครับ ต่าย"

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฟุตบอล สอนความรัก

เมื่อไม่นานเพื่อนผมคนนึง (ขออณุญาติสงวนนาน) มันเพิ่งอกหักจากเมียรัก ด้วยข้อหา "กวนส้นตีน"


คือเมียมันมาบอกเลิกและก็ให้เหตผลว่า "คุณกวนส้นตีลลส์มากไปนะคะ" แค่เนี้ย!?!


ฮ่าฮ่าฮ่า ขออณุญาติ หัวเราะในความงี่เง่าของ ผู้หญิง ที่รักในความสุภาพ ชนิดที่ยอมให้ความกวนส้นตีนของสามีอันเป็นที่รักมาบอกอำลาชีวิตรักที่ยาวนาน (มันบอกผมว่าคบกันมา 2 ปี)


คือ เพื่อนผมอาจจะกวนตีนมากไปหน่อยก็จริง แต่ คราวหน้า กรุณาหาเหตผลที่มัน ดูดีกว่านี้หน่อยดีกว่านะครับคุณเธอว์


หรือบอกเลิกกันตอนที่คบกันมาได้สักเดือน - 2เดือน ดีกว่านะครับ นี่ อะไร นอนเล่น "ปลอกกล้วยเข้าปาก" กับเพื่อนผมมาตั้ง 2 ปี เพิ่งบอกเลิก!!! ฮาครับฮา


สุดท้าย...เพื่อนผมคนนี้ร้องไห้ ฟูมฟาย ราวกับญาติเสีย ก่อนจะตะโกนบอกฟ้าว่า "ไอ้เชี่ย กรูทำผิด แมร่ง อารายว้า!!!!!!!!!"


มันบอกว่า ฟ้าช่างเล่นตลกกับมันเหลือเกิน ทำไมมันถึงได้หักมุมแบบ "เหลือเชื่อ" เช่นนี้


แบบนี้ตรงกับวลี Classic วลี หนึ่งนะครับ คือ


"ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน"


เหมือนกันเลยครับ กับฟุตบอล ลูกบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ ความห่าเหวของโลกใบนี้มีอยู่จริง และมันก็ซึมเข้าไปอยู่ในทุกอณู ของ ทุกสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่เว้นแม้แต่กีฬา ที่มีคนดูกันทั้งโลกอย่าง ฟุตบอล


ทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนโลก และ โลกลูกหนัง


ทีมใหญ่แพ้ทีมเล็ก นักเตะตบกรรมการ กรรมการตบนักเตะ กรรมการใช้วิชาตัวเบาวิ่งทะลุกระจก คนวิ่งแก้ผ้ากลางสนาม หรือแม้แต่นักเตะปวดขี้ระหว่างแข่ง ผมยังเคยเห็นมาเลยครับ


ตัวอย่างเช่น ในปี 1998-1999 แมนฯยูฯ ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ในปีนั้นมาครองได้สำเร็จ สร้างความน่าเกรงขามให้กับทุกทีมใน พรีเมียร์ลีกเป็น อย่างมาก แต่ชิปหาย!!! สิ้นฤดูกาล เอริก คันโตน่า ตำนานแมนฯยูฯกลับประกาศแขวนรองเท้าสร้างความงงงวยให้ผู้คนเป็นอย่างมาก ทั้งที่ฤดูกาลต่อมาเขาอาจจะได้กลายเป็นหนึ่งในตำนานประวัติศาสตร์ หากร่วมกันโขยกถ้วย URL บนโพเดี้ยมฉลองแชมป์ แมร่งเสือกประกาศแขวนเกือกซะงั้น เด็กผีทุกหมู่เหล่าต่างออกอาการ "เดี๊ยนรับไม่ดร้าย~~~~" กันเป็นแถบๆ
ฮ่าฮ่าฮ่า แถวบ้านผมบางคนเขาเรียก "งงแด๊กส์" ครับ หรือให้หนักกว่านั้นเขาจะเรียกว่า "กวนส้นตีน"
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่ มีทีมๆหนึ่งที่ดันแพ้น้อยกว่า และ ยิงประตูทีมดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมที่สร้างประวัติศาสตร์แห้งวงการฟุตบอล(ในด้านห่วยๆ)ได้มากกว่าทีมแชมป์ แต่พลันพอสิ้นลมหายใจของฤดูกาล กลับไม่ได้แชมป์ พร้อมกับการมาของอาการ "หนวดรับไม่ดร้าย~~~~" ทั้งที่ไม่เคยคิดจะมองดูตารางการแข่งขัน บางคนยังบอกว่านี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยคร้าบ~~~~
ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่รู้จะอะไรนักหนา
จริงๆแล้วยังมีอีกหลายตัวอย่างเลยครับ แต่ผมขี้เกียจยกมากล่าว เพราะจำไม่ได้แล้ว
แต่ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือ เรื่องเหลือเชื่อต่างๆไม่ว่าจะของวงการไหนก็ตาม ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากต่างหากล่ะครับ พอมันเกิดขึ้นพวกเราโดยส่วนมากจะอึกทึกคิดเป็นตุเป็นตะว่ามัน "เหลือเชื่อ" "เป็นไปไม่ได้" ไปเองมากกว่า
ทั้งๆที่หากมามองดีๆแล้วทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้
อยู่ที่ว่าคุณจะมองอย่างไร ต่างหากล่ะครับ
ทุกวันนี้ แมนฯยูฯ หลุดฟอร์มเล่นห่วยแตก หมาไม่กัด เสมอแม้แต่ทีมที่ไม่น่าจะเสมอ และเสมอในแบบที่เหลือเชื่อสุดๆมา 4-5 นัดติด ผมเห็นว่าผมยังไม่เป็นไรเลยนี่ครับ ผมยัง "กินดี ขี้ออกได้" เหมือนเดิม
ครับ...เหรียญมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะมองด้านไหน
อยากให้เพื่อนผมลองคิดดูนะครับว่า ตอนนี้ คุณ "เสียความรักไป" หรือ คุณ "ได้ความอิสระ" กลับคืนมา
.....
.....
.....
.....
เอ่อ จะว่าไป ตอนนี้มีทีม ทีมนึงซึ่งเป็นทีมประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดพอกันกับ แมนฯยูฯ กำลังลุ้นหนีตกชั้นอยู่ท้ายตาราง
เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ ไม่แน่นะครับ อาจจะเกิดขึ้นจริงๆก็ได้
เหอ เหอ เหอ







วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บรรลัยไปเลยนะครับ สำหรับเรื่องราวของน้อง "หมูฉึกฉึก" เวย์น รูนี่ย์ ด้วยเหตที่ข่าวล่ามาไวบอกว่าคุณน้องแกจะย๊ายไปอยู่กับสำเภาสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้



ล่าสุดหนังสือพิมฟุตบอลรายวันอันดับ 1 ของบ้านเราอย่าง สตาร์ ซ็อคเกอร์ ลงรายงานว่าออกมาแฉแต่เช้า (โดยอ้างอิงมาจาก เดอะ ซัน อีกที) โดยแหล่งข่าวแดนผู้ดีบอกว่า "ไอ้ชิปหาย ตึงเครียดเหรอ มันน้อยไป มันต้องบอกว่าตึงเครียดโครตๆต่างหากล่ะครับคู้ณ!!! ถึงจะถูก ไอ้น้องหมูไม่คุยกันกับป๋ามาเป็นเดือนแล้วคร้าบบบ พี่น้อง แถมยังไม่ไยดีกับน้องหมู ทำราวกันอย่างนี้จะให้ทนยังไงดร้ายยย อย่างงี้น้องหมูก็อยากย๊ายซิคร้าบบบบบบบบบ"


"ปากบอกว่าไม่ขายเหรอคร้าบบบ เป็นไปไม่ดร้ายยย ตอนนียังขายไม่ได้ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป น้องหมูต้องย๊ายแน่นอล ฟันธงเลย"


"แถมไม่แน่นะครับ น้องหมูอาจจะย๊ายไปเอาเงินเช้ดตูดแทนกระดาษชำระที่ แมนฯ ซิตี้ก็ดร้ายยยย ครายจะรู้"


อ่านข่าวนี้ตอนแรกบอกได้คำเดียวครับ "ไอห่า!!! มึงคิดได้ไงครับเนี่ย"


ตลกครับขอบอก เพราะการที่ แมนฯยูฯจะยอมขายนักเตะผู้มีพลังจักรหมูฉึกฉึกให้กับศตรู ผู้ที่เป็นเหมือนเบี้ยล่างของตนเองมาตลอดมันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างรุนแรง


และถ้า ซิตี้ จากฟ่อนธนบัตร ของท่าน ชีค มันซูร์ มาติดต่อขอเป็นชู้กับน้องหมูเวย์น และหมูเวย์นดันทะลึ่งย๊ายจริงๆ มันคงเป็นการทำร้ายจิตใจแฟน แมนฯยูฯ กันเกินไป ไม่ต่างจาก "อมขี้หมามาพ่นใส่หน้า"


บอกตรงๆครับผมว่ามันเกิดขึ้นยาก


แต่ถ้าหากย้อนกลับไปเมือไม่กี่ปีก่อน เหตการอย่างงี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับนักเตะนาน คาร์ลอส หอกหัก เตเวซ


ครับนักเตะผู้นี้ย๊ายเครื่องทรงจากศีแดงไปเป็นสีฟ้า พลางออกมาป้วนลมในสำเนียงอาร์เจนไตน์ ว่าถูกหมางเมินจากป๋า ผู้ซึ่งเขานับถือเป็นพ่อคนที่ 2 และเป็นเหตผลให้เขาต้องย๊ายมาร่วมชายคา มหาเศษรฐี ชีค

และหลังจากนั้นยังออกมาเขวี้ยงขี้ใส่กันไปกันมาอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่จะมองหน้ากันไม่ติด ไปตลอดชาติ


ครับกรณีของ เตเวซอาจจะแตกต่างเพราะตอนนั้นเขาเป็นนักเตะหมดสัญญา สามารถย๊ายแบบอิสระ และที่สำคัญ เขายังไม่ใช่คนเมืองผู้ดี ที่ยึดติดกับประวิติศาษตร์และประเพณีอันเก่าแก่ของทีมฟุตบอล ดังนั้น เขา(มัน)จึงย๊ายและไปยืนส่ายตูดอยู่ที่ แมนฯซิตี้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน


แต่ลองคิดดูนะครับ "ควายแน่นอนคือควายไม่แน่นอน"


ถ้าลองให้รูนี่ย์ย๊ายจาก สีแดง ไป สีฟ้าขึ้นมาจริงๆล่ะก็อะไรจะเกิดขึ้น


มันคงจะหนักกว่าการที่ เพื่อนสนิท เอากิ่งไม่แห้งมาสะกิดริดสีดวงที่ตูดเป็นแน่แท้


จะว่าไปแล้วคนระดับน้องรูนไม่จำเป็นจะต้องย๊ายไป แมนฯ ซิตี้อย่างเดียวก็ได้นี่ครับ ในเมื่อน้องเขาเป็นนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์พิเศษใส่ไข่ ที่ทีมใหญ่ๆจากทั่วยุโรปพร้อมที่จะรับเซ้งต่อเอาไปยืนทำหน้าหมูในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
หากลองพิจารณาแล้ว ทีมที่อยากได้ น้องรูนยังมีอยู่อีกเพียบ เมื่อลองกลั่นกรองเฉพาะทีมที่เหมาะสมกับตัวน้องเขา ก็มีทั้ง รีล มาดริด บาเซโลน่า หรือแม้แต่ ทีมสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ซึ่งแต่ละทีมที่กล่าวมา เกียร์ติประวัติมีมากกว่า แมนฯซิตี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะงั้นผมจึงเข้าใจ(เอาเอง)เหตุผลที่น้องแกทำตัวน่าถูกกระทืบด้วยการย๊ายชายคาไปยัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยมเป็นเพราะว่า ต้องการ "หักหน้า" แล "หน้าเงิน"
อันแรกก่อนเลยนะครับ หักหน้า หรือจะเรียกในแบบร้ายแรงก็คงจะใช้คำว่า "แก้แค้น" ได้เหมือนกัน เพราะรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าน้องแกเป็นคนที่ ซ่า เดือด และ ระห่ำกระฉูด ทั้งในและนอกสนาม ด้วยเหตนี้จึงถูก ป๋าเฟอร์กี้ ผู้ซึ่งเปรียบได้ดั่งพ่อสั่งสอนอยู่เป็นประจำ ที่ผ่านๆมา น้องรูนเราไม่กล้าหือ แต่มาหนนี้กับกล้าที่จะลุกขึ้นมาหักหน้าเหี่ยวๆของผู้เป็นป๋าอย่าง เฟอร์กูสัน ด้วยการที่บอกว่า "กรูไม่เคยเจ็บ ที่บอกว่ากรูเจ็บน่ะ โกหกทั้งเพเลยแสด!!!!" ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่นาน ป๋าเพิ่งออกมาบอกว่า น้องรูนเจ็บลงสนามไม่ได้
คำพูดก็เหมือนการสาดน้ำ พูดไปแล้วก็ไม่สามารถเรียกกับคืนมาได้ หลังจากนั้นสถานการณ์ของพ่อ ลูก คู่นี้ก็มีทีท่าในทางที่ ลบลงไปเรื่อยๆ
จนน้อง เวร รูนี่ย์ ออกมาหักหน้าครั้งร้ายแรงด้วยการทำท่าทางอยากจะย๊ายตูดตัวเองไปยัง แมนฯ ซิตี้ พร้อมกับเงินค่าเหนื่อยที่ ระห่ำกระฉูด เหมือนอารมส์ของคุณน้องเขา ซึ่งก็คือ ประมาณ 250,000 ปอนด์!!!
แหม ผมทำงานทั้งชาติ ไม่รู้ว่าจะได้เงินขนาดนั้นมาเชยชมรึเปล่า ฮ่าฮ่าฮ่า
นี่คือเหตุผล 2 ข้อที่ผมเดาเอาเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องเขาอยากย๊ายทีมไป แมนฯ ซิตี้
แหม ทำแบบนี้มันทรมารใจทั้ง เฟอร์กี้และแฟนผีทั่วโลกเลยนะครับ ผมอยากจะมอบรางวัล "ฮวยบ่ข่วย อวอร์ด" ให้น้องหมูเป็นที่ระลึกเหลือเกินครับ (รางวัลนี้มอบให้แก่ผู้ที่ทำความระยำ ได้ในระดับสุดยอดเท่านั้น)
......


แต่ผมมานั่งนึกๆดูนะครับ ถ้ารูนี่ย์ย๊ายขึ้นมาจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าพิจารณาจากฟอร์มล่าสุด บอกได้เลยว่า รูนี่ย์ กำลังอยู่ในช่วงขาลงอีกครั้ง ในเหมือนใจไม่อยากอยู๋ การจะรั้งเอาไว้มีแต่ทำให้เสียความรู้สึกปล่าวๆ แถมถ้ายือ้ไปนานๆ น้องเขาไม่ตอ่สัญญา ถึงตอนนั้นราคาอาจตกเอาก็ได้ อย่าไปเสียดายเลยครับ บางทีนี่อาจจะเป็น เวรกรรม ที่เราเคยไปฉกน้องเขามาจากหัวอกของ ท๊อฟฟี่ เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นได้ ถือว่าเราก็ชดใช้กรรมให้เขาไปแล้วกัน
ไปเหอะ! จะไปไหนก็ไปกับเมีย มรึงยังนอกใจได้เลย มันจะเหลือเหรอ? กับอีแค่แฟนบอล และ พ่อ ที่รักและเคารพในตัวของเขา
....
....
....

ซิม...ถุย!!!

เนื่องด้วยว่าเพื่อนผมคนนึงที่ชื่อว่า ซิม มันกำลังจะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดมันซึ่งก็คือ "พม่า" ตัวผมที่อยากจะให้มันเดินทางอย่างปลอดภัย และ อยากจะทำอะไรให้มันสักหน่อยเพื่อที่จะให้ไอ้ ซิม มันรู้ว่า "เพื่อนกูรักมึงว่ะ" ผมก็เลยขอเขียนบทความให้เพื่อนรักชาวพม่าคนนี้ของผมสักบทความนึงลงบทหน้ากระดาษไฟฟ้า เพื่อแสดงเจตนารมของผมออกมา ผมจึงขออุทิศ(ที่ไม่ไช่ส่วนกุศล) หน้านี้ให้มันแบบเต็มๆ
นาย ซิม คนนี้ มีประวัติโดยคร่าวๆคือ เป็นชาวพม่าเพศผู้ ที่น่าจะมีอายุราวๆ 25-26 ปี ส่วนสูงประมาณ 170 ซม. ผิวขาว ผมสั้น ฟันดำ ทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมาไม่ค่อยจะติดตาผมสักเท่าไหร่ แต่จุดเด่นที่สุดที่ผมจดจำมันได้คือ "ความกวนตีน" ครับ
ไอ้ซิมจัดเป็น คนกวนตีน ประเภท หาตัวจับยาก บ้านผมเรียกว่า "กวนตีนชิปหาย" บวกกับด้วยความที่เป็นคนพูดไม่ชัดในแบบฉบับพม่านำเข้า
2 สิ่งมาผนวกกัน ทำให้อัตราความกวนตีนของไอซิมผู้นี้ พุ่งกระฉูด น้ำแตกเลยทีเดียวครับ
เพราะเหตที่ปากมันค่อนข้างวอนหาตีนแบบนี้ เลยทำให้คนรอบข้างที่ทั้งรักทั้งเกลียด ต่างพากันตั้งฉายาให้มันอย่างสนุกรูปาก จนทำให้ไอ้ซิมมีคำเรียกอีกคำอย่างน่ารักน่ากระโดดฉีบว่า "บุรุษพันฉายา"
ฉายาที่ถูกตั้งให้และเป็นที่กล่าวขานของเพื่อนร่วมงานกันบ่อยๆก็มี "ไอ้ทุย" "ทุย ถุ่ย ถุ้ย ทุ้ย ถุย (ทุย ทุ่ย ทุ้ย ทุ๊ย ทุ๋ย)" "กระบือ" และ "ซิมมี่ลากูน" เป็นต้น
แต่ฉายาที่พูดกันติดปาดกและกระชากความอยากกระโดดฉีบหน้าคนจากไอ้ซิมได้มากที่สุดคือ "ซิมถุย"
แหม...ไม่อยากบอกเลยครับ ฉายานี้ ผมเป็นคนตั้งให้มันเองนะครับ ขอบอก แถมผมเองยังไม่ได้ตั้งขึ้นมามั่วๆ แบบนึกอยากจะพูดอะไรก็พูดนะครับ ต้นเหตมันก็มาจากความกวนตีนของมันเองน่ะแหล่ะครับ จึงทำให้เกิดฉายาขนาดหมายังเมินขึ้นมาผมจะเล่าถึงความกวนตีนและต้นกำเนิดของฉายาไอ้ "ซิมถุย" ผู้นี้ให้ผู้อ่านได้ประจักษ์
เมือ่ประมาณปีก่อน มันเดินเข้ามาหาผมราวพลางทำหน้ามีความสุขราวกับชายผู้สำเร็จความไคร่ด้วยตัวเอง ได้เอ่ยถามคำถามหนึ่งกับผมว่า
"พะ มือ เคอ เหง ควย ส่า น่า มะ? (พัท มึงเคยเห็นควายส่ายหน้ามั๊ย?) "
ผมทำหน้าตาเป็น ง.งู 2 ตัว และครุ่นคิดอยู๋พักนึง ก่อนจะส่ายหน้ากลับไปเป็นคำตอบแทนคำว่า "ไม่รู้"
พลัน ไอ้ซิมถุย ซึ่งตอนนั้น ยังมียศแค่ ไอ้ซิม ธรรมดาธรรมดา หัวเราะอย่างถูกใจราวกับพม่าถูกหวยก่อนเฉลยผมว่า
"มือ ขื้อ ห้อง ไป ส่อ กา โจะ แระ ส่า น่า ดู ต่ะ แระ มือ จะ เหง ควย ส่า น่า เอง (มึงขึ้นห้องไปส่องกระจกแล้วส่ายหน้าดูสิ แล้วมึงจะเห็นควายส่ายหน้าเอง)
พลันสิ้นสุดคำพูดของมัน ผมสบถด่ามันด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด และแถมนำเหนียวๆจากภายในลำคอของผม ประทับลงบนหน้ามันว่า
"ซิม...ถุย"